เชือกที่อ่อนแอ



              ในยามที่เราต้องมาทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีเป้าหมายร่วมกัน จะเป็นเวลาที่เราได้เห็นถึงระดับความสามารถของตนเองและผู้อื่นที่แสดงออกมา ขณะเดียวกันเราจะได้เห็นสมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับทีม เช่นความเป็นผู้นำ  การเสียสละ การช่วยเหลือเกิ้อกูล และความทุ่มเทเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจเสมือนเชือกที่ถูกดึงรั้งให้ทุกกระเบียดนิ้วตรึงแน่นเป็นเส้นตรงส่งพลังไปสู่การดึงรั้งที่เป็นเอกภาพเราจะได้เห็นการเคลื่อนไปข้างหน้าขององค์กร  
           หลายปีที่ผ่านมาของชีวิตคนทำงานในองค์กรได้เจอคนหลากหลาย แตกต่างกันทั้งความคิด และรูปแบบของชีวิต ที่ต้องมาร่วมเดินทางจนบางครั้งผมรู้สึกเหมือนเราคงเคยมีอดีตชาติที่เคยทำบุญร่วมกัน หรือไม่ก็เคยสร้างกรรมร่วมกันมาก่อนจึงได้ต้องได้มาเจอะเจอ ผมเจอทั้งคนร่วมงานที่เข้มแข็งอุทิศชีวิตให้กับงาน ทั้งคนที่ย่อหย่อนจนน่าเอือมระอา ที่หนักสุดคือ เจอคนที่มีการแสดงออกแปลกแยก หมดสิ้นความสามรารถในการขับเคลื่อนองค์กร จนเพื่อนร่วมงานต่างสงสัยในพฤติกรรมบ้างก็เอามาล้อเลียนเป็นเรื่องตลกขบขัน บางคนถึงขั้นหวาดระแวง ดูแล้วเหมือนเชือกที่ไม่น่าจะใช้งานต่อไปได้จนทำให้เพื่อนร่วมงานต้องเข้ามาประคับประคอง ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครเต็มใจนักหรอกที่จะต้องแบกภาระงานของคนๆนั้นในขณะที่ทุกคนก็มีงานของตนเองล้นมือ การช่วยเหลือย่อมทำให้เชือกที่มีขนาดยาวหนึ่งต้องใช้ความยาวนั้นมาประคับประคองส่วนที่เสียหาย....ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรอกว่าเราควรตัดส่วนที่เสียแล้วผูกปมปล่อยเชือกให้ยาวออกไปตามธรรมชาติ หรือ รัดรั้งต่อไปไม่สิ้นสุด
       เชือกหนี่งเส้น หากส่วนหนึ่งส่วนใดของเชือกย่อหย่อนขาดวิ่นไม่ใส่ใจในความรับผิดชอบ ย่อมเป็นธรรมดาที่เราต้องทดแทนส่วนที่ขาดแหว่ง และใช้กำลังที่เหลือเข้ามาเสริมทัพให้ความแข็งแกร่งของเชือกนั้นยังคงเดิม แต่แน่นอนว่าการเข้ามาแก้ไขทดแทนส่วนที่อ่อนล้าย่อมทำให้ส่วนอื่นมีผลกระทบ เชือกที่เคยยาวก็กลับต้องหดสั้นลง และมีโอกาสที่จะไปไม่ถึงเป้าหมายที่อยู่อีกฟาก
       เงื่อนผูกร่น หรือ เงือนทบเชือก (Sheepshank) เป็นวิธีการผุกเงื่อนเพื่อเสริมทดแทนส่วนที่ชำรุดขาดแหว่ง เพื่อให้เชือกทั้งเส้นยังคงมีความทนทานและพร้อมใช้งาน ขณะเดียวกันก็จะทำให้เชือกมีขนาดที่สั้นลงจากการผูกเงื่อนเช่นนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น