วันที่ผมเริ่มเขียนบล็อกนี้ผมเฝ้าหาแรงบันดาลใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตโดยมี”เชือก”สักเส้นเข้าไปผูกเรื่องราวเหตุการณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของผู้คนผ่านตัวอักษรและความนึกคิด
แว๊บหนึ่งของมโนสำนึกเกิดขึ้นมาจากภาพเด็กชายคนคนหนึ่งในชุดลูกเสือที่มากับแม่ เด็กคนนั้นสวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ภาพของรองเท้าสีน้ำตาลเก่าๆปรากฏขึ้นในความทรงจำผมขึ้นมาทันทีแม้มันจะประติดประต่ออะไรไม่ได้มากนักเพราะมันก็ผ่านมากว่า 50 แล้ว แต่ผมเชื่อมั่นว่าผมเคยรู้สึกถึงมือทั้งสองข้างจาก "พ่อ-แม่"ที่บรรจงผูกเงื่อนหูกระต่ายและพร่ำสอนให้ผมหัดผูกเชือกรองเท้าก่อนที่จะส่งผมไปโรงเรียนในทุกๆเช้า
เงื่อนเชือกทุกเงื่อนผูกด้วยเจตนา เพียงเพื่อให้เงื่อนเหล่านั้นได้ไปทำหน้าที่ตามเป้าหมาย ยังมีเชือกที่ผูกด้วยหัวใจเพื่อให้เราได้ก้าวเดินในวันที่เราพร้อม สร้างความมั่นใจและอบอุ่นใจในวัยเด็กก่อนที่เราจะก้าวเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ เงื่อนที่ผูกด้วยหัวใจของความผูกพันใกล้ชิด เช่นเชือกรองเท้ามันคือสัญลักษณ์ที่ส่งต่อความรู้สึกอบอุ่นนี้ไปต่อไม่สิ้นสุด
วันที่เรารู้สึกว้าเหว่ไม่มีใคร ผิดหวังกับคนแย่ๆในชีวิตเหมือนเดินมาถึงทางตันที่ไม่มีทางออก ลองหวลกลับไปคิดถึงเรื่องราวเก่าๆของชีวิตวัยเด็ก ส่งความคิดถึงไปยังพ่อแม่ที่เป็นครูคนแรกของชีวิต จินตนาการถึงภาพที่ท่านนั่งลงผูกเชือกรองเท้าให้เราที่หน้าโรงเรียนในใจของท่านคงไม่หวังอะไรมากไปกว่าการที่ให้เรามีอนาคตก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่สะดุดล้ม เชือกที่ผูกด้วยรักจะเป็นเชือกที่แข็งแรงที่สุดกว่าเชือกใดๆ และจะเป็นเชือกที่ไม่เคยเก่าเลยจากความคิดคำนึงของลูกแม้เวลาจะผ่านเลยมานานแสนนาน
(เอื้อเฟื้อภาพจากครอบครัว ดาวิกร-อเล็กซานเดอร์ ซิกส์)