“วางแผนก่อนการเริ่มต้น เพื่อป้องกันสิ่งที่เราไม่คาดคิด อาจทำให้งานช้าไปสักนิด แต่จะยั่งยืนกว่าการทำไปแก้ไป”
คือบทเรียนที่ได้รับจากครั้งที่พยายามฉุดลากเอารถแทรกเตอร์ขึ้นจากหลุมโคลน ด้วยเชือกลากที่ต้องการทำให้เป็นห่วงคล้องกับตะขอลากจูงจึงผูกขึ้นง่ายๆด้วยเงื่อนธรรมดาๆ แต่เมื่อแรงดึงเกิดขึ้นรถสามารถขึ้นจากหล่มโคลนได้ เหมือนว่าภารกิจก็สำเร็จลงแต่สิ่งที่กลายเป็นปัญหาที่ถูกทิ้งไว้หลังความสำเร็จคือเชือกที่กลายเป็นปมรัดแน่นจนไม่สามารถคลายออกได้อีกเลย
เคยมาทบทวนตัวเองเสมอๆว่าหลายครั้งเราก็เจอการทำงานในแบบนี้ ที่ขาดการวางแผนจะด้วยความไม่รู้หรืออาจรู้แต่ด้วยเงื่อนไขมากมายที่เรามักนำมาเป็นข้ออ้างเหตุผลในใจก็ตามจึงก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในองค์กรหลังความสำเร็จที่สวยหรูและเสียงปรบมือสนั่นเวที
วันนี้ปมเชือกที่เขม็งรัดแน่นก็ยังอยู่ที่เดิมเพื่อเตือนสติ ทุกครั้งที่ผมหยิบปมเชือกที่เกิดขึ้นจากการทำสิ่งที่ไม่วางแผนเพื่อเอามาคลี่คลายออกมันไม่เคยสำเร็จอีกเลย กลับกลายเป็นปมของบทเรียนที่ตอกย้ำความหละหลวมของชีวิต หรือจะมีข้อแย้งในใจว่าทุกการรียนรู้ใหม่มักต้องเกิดจากการสูญเสียมาก่อนทั้งนั้น...อันนี้ก็แล้วแต่ทัศนคติของใครก็ไม่ว่ากัน แต่หากความสำเร็จหนึ่งจะสมบูรณ์แบบมันคงไม่เป็นความสำเร็จบนปัญหาใหม่ๆหรอก หรือว่าเราซุกปัญหาไว้แล้วพยายามลืมมันไป
หากเราจะลองมาขบคิดถึงเรื่องราวของปัญหาในชีวิตที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับปมเชือกนั้นน่าจะแบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ 1.รู้ถึงปัญหาที่จะเกิดแต่ไม่ใยดีเพราะปัญหายังมาไม่ถึงหรือไม่ก็ปัญหาเป็นเรื่องของคนอื่นที่จะแก้ไข และ 2. ขาดประสบการณ์แต่กลับต้องรับภาระสิ่งที่ตนเองยังไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อนหรืออาจไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญกับสิ่งที่คาดไม่ถึง ซึ่งโดยทัศนะของผมแล้วไม่ว่าจะมาจากข้อใดสิ่งที่เหมือนกันคือปัญหาใหม่ การรู้ถึงปัญหาแต่ไม่ใยดี กับ การไม่มีประสบการณ์ล้วนไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย มันสะท้อนให้เห็นถึงการขาดการเตรียมใจและขาดการเตรียมตัว
ผมเคยอยู่ท่ามกลางช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้ง จนมายืนอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งมองเห็นว่า บางครั้งผมก็พยายามที่จะดิ้นรนออกแรงเพื่อให้วิ่งทันสิ่งที่เปลี่ยนไป แต่บางครั้งผมกลับพบว่าการนิ่งเฉยเพื่อให้สิ่งที่เรียกว่าความเปลี่ยนแปลงวิ่งผ่านเลยผมไปก็เป็นทางเลือกหนึ่งเช่นกัน ปล่อยให้สิ่งนั้นไปหยุดนิ่งที่จุดหนึ่งแล้วค่อยเดินตามไปช้าๆ ก้มหน้าปล่อยให้ผู้คนที่มาทีหลังได้วิ่งแซงนำไปท่ามกลางเสียงวิพากษณ์ถึงความล้าหลังทางความคิดในตัวผม เหมือนคนที่หวาดระแวง และเหมือนว่าพยายามสร้างเงื่อนไขกฏกติกามากมายเกินความจำเป็น....แต่ในระหว่างที่เดินตามไปช้าๆนั้นผมกลับมีเวลาที่จะพินิจสิ่งต่างๆ ที่อาจมองไม่เห็นหากคุณไปเร็วแล้วตามัวแต่จับจ้องมองเป้าหมาย มันคือความระแวดระวัง..ที่ไม่อยากให้ผู้คนลืมมองสิ่งรอบตัวรวมทั้งเพื่อนร่วมทางดีๆมากมาย
เป้าหมายอาจเป็นสิ่งเดียวที่เราต้องไปให้ถึง แต่เป้าหมายที่สร้างความสำเร็จอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่างในชีวิต ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาได้สร้างผลกระทบทั้งต่อตัวคุณและทีมอาจทำให้คุณไม่สามารถก้าวต่อไปยังเป้าหมายอื่นได้ เกิดความสับสนและหวาดระแวง หากจะเริ่มต้นอีกครั้งด้วยการวางแผนแล้วคิดหาลู่ทางก่อนก้าวเดิน สำรวจความพร้อมที่เป็นตัวของคุณเองน่าจะเป็นความมั่นคงและยั่งยืนมากกว่าการวิ่งไล่ล่าสิ่งที่คนอื่นบอกว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ และทางนั้นคือทางที่คุณต้องเดิน.....จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกับเงื่อนปมจากความเขลาขลาดและความประมาทที่มาจากตัวคุณเอง
(alpine butterfly คือเงื่อนผู้ที่ใช้ในการทำห่วงฉุดรั้งลากจูง ที่มีการผู้เงื่อนอย่างมีขั้นตอนเพื่อให้เงื่อนเชือกสามารถคลายออกได้ง่ายหลังการใช้งาน ซึ่งจะทำให้เชือกยังกลับมาใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีก)
วิธีการผูกเงื่อนalpine butterfly แบบที่ 1
วิธีการผูกเงื่อนแบบที่ 2